ส่งต้นฉบับไปสำนักพิมพ์ ต้องส่งอะไรบ้าง
อยากเป็นนักเขียนอาชีพต้องส่งต้นฉบับไปสำนักพิมพ์ และเรื่องนี้ก็, เช่นเดียวกับการเขียน, มันมีวิธีการของมันอยู่...
วิธีการส่งต้นฉบับไปสำนักพิมพ์นั้นไม่ใช่เพียงแค่ส่งแต่ต้นฉบับของเราเฉยๆ เท่านั้นนะคะ แต่ยังต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ อีก ว่าแต่ควรจะส่งอะไรไปบ้างดี วันนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ
วิธีการส่งต้นฉบับไปสำนักพิมพ์นั้นไม่ใช่เพียงแค่ส่งแต่ต้นฉบับของเราเฉยๆ เท่านั้นนะคะ แต่ยังต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ อีก ว่าแต่ควรจะส่งอะไรไปบ้างดี วันนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ
(ใช้ภาพเดียวกับที่จะลงเว็บ thaibooksociety ที่เราเขียนให้อยู่ด้วยน่ะนะคะ เลยติดเครดิตมา)
1 ต้นฉบับ ตั้งแต่ต้นถึงจบ ถ้าเป็นนิยายต้องส่งจนจบเรื่องแน่นอนค่ะ แต่ว่าพอกเกตบุ๊คบางประเภทก็ให้ส่งแค่ 30 -40 หน้าได้นะ แต่ต้องบอกด้วยว่าทั้งเล่มมีเนื้อหาอะไรบ้างอย่างคร่าวๆ เหมือนเป็นโครงของเล่มไปให้ดู แล้วแต่การกำหนดของสนพ. ค่ะ
2 เรื่องย่อ เรื่องย่อก็บอกตั้งแต่ต้นจนจบอีกเช่นกัน ความลับปริศนาอะไรก็ต้องเฉลยให้หมดในเรื่องย่อนั้นค่ะ อันนี้สำหรับนิยาย พวกพ็อกเกตบุ๊คนี่มักจะให้ส่งโครงของเล่มค่ะ บอกว่ามีกี่บท แต่ละบทมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง
3 เกี่ยวกับเรื่อง บอกว่าเรื่องของคุณมุ่งเน้นให้ผู้อ่านกลุ่มไหนอ่าน มีจุดเด่นอย่างไร แก่นเรื่องต้องการสื่ออะไร ข้อดีอย่างไรบ้าง ลองแนะนำเรื่องของตัวเองและโฆษณาให้บก.ฟังนะคะ
4 พอร์ทของนักเขียน ประวัติส่วนตัว สมัครงานยังต้องมีเรซูเม่ ส่งนิยายทั้งทีก็ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับงานเขียนที่เคยผ่านมาของเราไปให้เขาได้รู้จักกับเราเสียหน่อยค่ะ ว่าเราเขียนเรื่องอะไรมาบ้าง มีผลงานตีพิมพ์อะไรมาก่อนมั้ย มีรางวัลอะไรมาบ้างรึเปล่า นอกจากนี้ประวัติจะบรรจุช่องทางติดต่อเรา พวกเบอร์ อีเมลล์ และเว็บไซต์ที่เราแสดงผลงานทางอินเทอร์เน็ต (เช่น บลอคและเพจ) ไปให้สนพ.ดูด้วยค่ะ
5 จดหมายแนะนำตัว สุดท้าย ก่อนจะส่งไฟล์ของทุกอย่างข้างต้นไปให้สนพ.ทางอีเมลล์ เขียนจดหมายสั้นๆ ในช่องกรอกข้อความของอีเมลล์นิดนึงค่ะ กล่าวสวัสดีทักทายบก. แนะนำตัวเองสั้นๆ ว่าชื่ออะไร ส่งต้นฉบับเรื่องอะไรมา ใครส่งไปให้สนพ. โปรดของตัวเอง อาจจะบอกด้วยว่าทำไมเลือกส่งมาสนพ.นี้ (เราเคยส่งไปบอกว่า เราเลือกส่งมาสนพ.นี้เพราะเป็นแฟนหนังสือเล่มนี้ๆ นะ อันนี้ความฟินส่วนตัว คือ ไม่เกี่ยวกับเรื่องต้นฉบับ แต่อยากบอกเขาว่าเราดีใจมากที่เขาทำเล่มนั้นออกมา น้ำตาจะไหล) ตรงนี้ควรใช้ภาษาสุภาพ กึ่งทางการนะคะ
วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เอาแบบเบาๆ หลายคนอาจจะรู้แล้วก็ได้
ไว้วันหลังจะหาอะไรมาเล่าเพิ่มนะคะ
แล้วพบกันค่ะ
1 ต้นฉบับ ตั้งแต่ต้นถึงจบ ถ้าเป็นนิยายต้องส่งจนจบเรื่องแน่นอนค่ะ แต่ว่าพอกเกตบุ๊คบางประเภทก็ให้ส่งแค่ 30 -40 หน้าได้นะ แต่ต้องบอกด้วยว่าทั้งเล่มมีเนื้อหาอะไรบ้างอย่างคร่าวๆ เหมือนเป็นโครงของเล่มไปให้ดู แล้วแต่การกำหนดของสนพ. ค่ะ
2 เรื่องย่อ เรื่องย่อก็บอกตั้งแต่ต้นจนจบอีกเช่นกัน ความลับปริศนาอะไรก็ต้องเฉลยให้หมดในเรื่องย่อนั้นค่ะ อันนี้สำหรับนิยาย พวกพ็อกเกตบุ๊คนี่มักจะให้ส่งโครงของเล่มค่ะ บอกว่ามีกี่บท แต่ละบทมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง
3 เกี่ยวกับเรื่อง บอกว่าเรื่องของคุณมุ่งเน้นให้ผู้อ่านกลุ่มไหนอ่าน มีจุดเด่นอย่างไร แก่นเรื่องต้องการสื่ออะไร ข้อดีอย่างไรบ้าง ลองแนะนำเรื่องของตัวเองและโฆษณาให้บก.ฟังนะคะ
4 พอร์ทของนักเขียน ประวัติส่วนตัว สมัครงานยังต้องมีเรซูเม่ ส่งนิยายทั้งทีก็ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับงานเขียนที่เคยผ่านมาของเราไปให้เขาได้รู้จักกับเราเสียหน่อยค่ะ ว่าเราเขียนเรื่องอะไรมาบ้าง มีผลงานตีพิมพ์อะไรมาก่อนมั้ย มีรางวัลอะไรมาบ้างรึเปล่า นอกจากนี้ประวัติจะบรรจุช่องทางติดต่อเรา พวกเบอร์ อีเมลล์ และเว็บไซต์ที่เราแสดงผลงานทางอินเทอร์เน็ต (เช่น บลอคและเพจ) ไปให้สนพ.ดูด้วยค่ะ
5 จดหมายแนะนำตัว สุดท้าย ก่อนจะส่งไฟล์ของทุกอย่างข้างต้นไปให้สนพ.ทางอีเมลล์ เขียนจดหมายสั้นๆ ในช่องกรอกข้อความของอีเมลล์นิดนึงค่ะ กล่าวสวัสดีทักทายบก. แนะนำตัวเองสั้นๆ ว่าชื่ออะไร ส่งต้นฉบับเรื่องอะไรมา ใครส่งไปให้สนพ. โปรดของตัวเอง อาจจะบอกด้วยว่าทำไมเลือกส่งมาสนพ.นี้ (เราเคยส่งไปบอกว่า เราเลือกส่งมาสนพ.นี้เพราะเป็นแฟนหนังสือเล่มนี้ๆ นะ อันนี้ความฟินส่วนตัว คือ ไม่เกี่ยวกับเรื่องต้นฉบับ แต่อยากบอกเขาว่าเราดีใจมากที่เขาทำเล่มนั้นออกมา น้ำตาจะไหล) ตรงนี้ควรใช้ภาษาสุภาพ กึ่งทางการนะคะ
วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เอาแบบเบาๆ หลายคนอาจจะรู้แล้วก็ได้
ไว้วันหลังจะหาอะไรมาเล่าเพิ่มนะคะ
แล้วพบกันค่ะ